ฮามามัตสึ เมืองใหญ่ของจังหวัดชิซุโอกะ นั่งรถไฟจากโตเกียวหรือนาโกย่าก็ได้ มาพร้อมที่เที่ยวหลากสไตล์และของอร่อยขึ้นชื่ออย่างข้าวหน้าปลาไหลและเกี๊ยวซ่า! มาเที่ยวไปชิมไปในฮามามัตสึกัน
ฮามามัตสึ (Hamamatsu) หนึ่งในเมืองใหญ่ของจังหวัดชิซุโอกะ เดินทางง่ายจากโตเกียวและนาโกย่า มาถึงฮามามัตสึแล้วก็นั่งรถไฟหรือรถบัสเพื่อเที่ยวได้รอบ ที่เที่ยวหลายแห่งในตัวเมืองก็เดินเที่ยวได้ ถ้าจะเลือกเช่ารถขับเอาเองก็สะดวกดี แต่อย่าลืมทำใบขับขี่สากลมาด้วยนะ
ครั้งนี้เราขอแนะนำแผนเที่ยวฮามามัตสึ เมืองแห่งดนตรีและเกี๊ยวซ่าแบบ 2 วัน 1 คืน ตระเวนไปตามที่เที่ยวหลากแบบหลายสไตล์ ทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี และที่พลาดไม่ได้ก็คือของอร่อย!
จากโตเกียว
สามารถนั่งรถไฟสายโทไคโดชินคันเซ็นได้จาก 2 สถานีคือสถานีโตเกียวและสถานีชินากาวะ ขึ้นสถานีไหนก็ค่ารถเท่ากันทั้งคู่ ขบวนที่เร็วสุดใช้เวลา 1 ชั่วโมง 24 นาที
จากโตเกียว | ผู้ใหญ่ | เด็ก |
ไม่จองที่นั่ง | 7,910 yen | 3,950 yen |
จองที่นั่ง | 8,240 yen | 4,120 yen |
กรีนคาร์ | 12,100 yen | 12,100 yen |
จากนาโกย่า
นั่งรถไฟสายโทไคโดชินคันเซ็นจากสถานีนาโกย่า ขบวนที่เร็วสุดใช้เวลา 30 นาที
จากนาโกย่า | ผู้ใหญ่ | เด็ก |
ไม่จองที่นั่ง | 4,510 yen | 2,250 yen |
จองที่นั่ง | 5,040 yen | 2,520 yen |
กรีนคาร์ | 7,310 yen | 7,310 yen |
* ผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป (ถ้าอายุ 12 แต่ยังเรียนอยู่ชั้นประถมให้นับเป็นเด็ก)
* เด็ก อายุระหว่าง 6 – 11 ปี
* ราคาแบบจองที่นั่งและกรีนคาร์จะมีช่วงไฮซีซันที่ราคาแพงขึ้นอีกเล็กน้อย
* ถ้าใช้ตั๋วพาส JR RAIL PASS สามารถนั่งได้โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
* JR RAIL PASS แบบที่นั่งชั้นธรรมดา เอาไปใช้นั่งตู้กรีนคาร์ไม่ได้
มาถึงแล้วก็เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อน แล้วกลับมาขึ้นรถบัสที่บัสเทอร์มินอลหน้าสถานีรถไฟฮามามัตสึ จากป้ายหมายเลข 1 นั่งรถบัสหมายเลข 30 ที่ผ่านคันซันจิออนเซ็น (Kansanji Onsen : かんざんじ温泉行き) ที่เที่ยวของวันแรกนี้จะเน้นแถวทะเลสาบฮามานะโกะ ไปกลับได้ด้วยรถบัสสายนี้หมดเลย
– จุดหมายแรกลงป้าย Flower Park (フラワーパーク) ใช้เวลาจากสถานีฮามามัตสึประมาณ 40 นาที ราคา 570 เยน
สวนดอกไม้ฮามามัตสึ ฟลาวเวอร์พาร์ค (Hamamatsu Flower Park) สวนดอกไม้ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยดอกไม้และพรรณพืชกว่า 3,000 สายพันธุ์ให้ชมสับเปลี่ยนไปตลอดทั้งปี
สระน้ำใหญ่หน้าอาคารเรือนกระจก Crystal Palace มีโชว์น้ำพุพร้อมเพลงบรรเลงทุกๆ ต้นชั่วโมงและตอน 30 นาที จะค่อยๆ เดินชมดอกไม้ไปเรื่อยๆ หรือจะนั่งรถไฟ Flower Train ที่จะพาเรานั่งวนไปรอบสวนพร้อมบรรยายวิวรอบๆ ให้ฟังไปด้วยก็ได้ หนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 15 นาที (ผู้ใหญ่ 100 เยน เด็กอายุ 3 ปี – ม.ต้น 50 เยน)
ตั้งแต่ราวกลางเดือนมีนาคม – กลางเดือนมิถุนายนทางสวนจะจัดงานเทศกาล Lake Hamana Flower Festival ในช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่มีดอกไม้สวยๆ บานเยอะที่สุด โดยเฉพาะตอนปลายมีนาคม – กลางเมษายน มีดอกซากุระบานพร้อมดอกทิวลิปหลากสี ช่วงค่ำมีเปิดไฟให้ชมซากุระกลางคืนด้วย
พอเข้าช่วงปลายเมษายน – ต้นพฤษภาคมก็เป็นเวลาของดอกฟูจิ หรือดอกวิสเทอเรียที่บานเป็นทางยาวร่วม 150 เมตรแสนอลังการ ดอกไม้อื่นๆ ที่บานในช่วงเทศกาลนี้ก็เช่น ดอกบ๊วย ดอกกุหลาบ ดอกไอริส ดอกกุหลาบพันปีอาซาเลีย ดอกไฮเดรนเยีย
หน้าเรือนกระจกมีประติมากรรมจากต้นไม้ประดับเป็นเหล่าสัตว์ตัวโตในธีมผองเพื่อนจากป่า ดูขนาดเทียบกับคนดูสิจะเห็นว่าขนาดโตแค่ไหน ไปนั่งตรงชิงช้าข้างๆ หมีแล้วถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันได้
ในเรือนกระจกแบ่งออกเป็นหลายโซน เช่น โซนสวนบาหลี โซนสวนเม็กซิกัน พื้นที่โถงกลางที่กว้างสุดเอาไว้จัดสวนตามเทศกาล ปีนึงมี 4 – 5 ธีม ตอนนี้มาช่วงปลายปีก็ต้องเป็นธีมคริสต์มาสแน่นอน
คาเฟ่ในเรือนกระจกมีพวกซอฟต์ครีมกับอาหารว่างอย่างดังโกะ ไส้กรอก ทาโกะยากิ โอเด้งขายด้วย แต่ที่อยากให้ลองคือซอฟต์ครีมรสกุหลาบเอาแบบราดซอสเยลลี่ด้วย 460 เยน หอม เย็นชื่นใจ
ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน – ปลายธันวาคมมีเทศกาล Flower Illumination ทางสวนจะขยายเวลาทำการนานขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้เข้ามาเดินเล่นท่ามกลางไฟประดับแสนสวยยามค่ำคืน โชว์น้ำพุพร้อมไฟสวยๆ นี่โรแมนติกอย่าบอกใคร
– นั่งบัสจากหน้าสวนดอกไม้มาอีก 4 ป้าย ลงที่ป้าย Hamanako Palpal (浜名湖パルパル) ใช้เวลาประมาณ 5 นาที 210 เยน
– ถ้านั่งจากหน้าสถานีฮามามัตสึ ใช้เวลาประมาณ 43 นาที ราคา 620 เยน
คันซันจิโรปเวย์ (Kanzanji Ropeway) เป็นโรปเวย์ที่ทอดข้ามทะเลสาบเพียงแห่งเดียวของญี่ปุ่น มีสวนสนุกฮามานาโกะพาลุพาลุ (HAMANAKO PALPAL) อยู่ติดกับอาคารทางขึ้นโรปเวย์ เด็กๆ น่าจะชอบกัน
ปลายทางของโรปเวย์คือบนเขาโอคุซะยามะ บนนั้นมีพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (Hamanako Music Box Museum) รวบรวมกล่องดนตรีหลากหลายแบบให้ดู สามารถร่วมเวิร์กชอปทำกล่องดนตรีของตัวเองได้ด้วย
ชั้นดาดฟ้าเป็นจุดชมวิวทะเลสาบฮามานาโกะแบบ 360 องศา เพราะอยู่บนยอดเขาด้วยเลยมองเห็นวิวได้กว้างไกลมาก เห็นไปถึงตัวเมืองฮามามัตสึ แล้วก็มหาสมุทรแปซิฟิกเลย ตอนเย็นช่วงพระอาทิตย์ตกดินจะสวยมาก
ทะเลสาบฮามานะโกะมีขนาดความกว้างรอบทะเลสาบใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น เดิมทีที่นี่เนี่ยเป็นทะเลสาบน้ำจืดธรรมดานะ แต่ด้วยแผ่นดินไหวใหญ่ราว 500 ปีก่อน พื้นดินบริเวณที่กั้นระหว่างทะเลสาบกับมหาสมุทรทรุดตัว เกิดเป็นทางเชื่อมเข้าหากัน ตอนนี้เลยกลายเป็นทะเลสาบน้ำกร่อยที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น แล้วก็เป็นเมืองออนเซ็นด้วย รอบๆ ทะเลสาบเลยมีเรียวกังกับโรงแรมเยอะ เหมาะสำหรับคนอยากพักในโรงแรมวิวทะเลสาบ
มื้อเที่ยงเราจะมาทานปลาไหล อาหารขึ้นชื่อของฮามามัตสึกันที่ร้านคันซันจิเอ็น (Kanzanjien : 舘山寺園) เดินจากโรปเวย์มาทางวัดคันซันจิประมาณ 10 นาที
ร้านตั้งอยู่ริมทะเลสาบฮามานะโกะ มีที่นั่งในร้านและริมระเบียงด้านนอก วันที่อากาศดีๆ แบบนี้แน่นอนต้องขอมานั่งกินลมชมวิวข้างนอกดีกว่า เห็นโรปเวย์ที่ไปมาเมื่อกี๊อยู่ข้างหน้าเลย สักพักก็มีเรือล่องทะเลสาบแล่นผ่านไปมา
เมนูเด่นของที่นี่ก็คือข้าวหน้าปลาไหล มีให้เลือกหลายขนาด เริ่มที่อุนะด้ง ราคาไม่รวมภาษี 2,700 เยน ไปจนถึงเซ็ตใหญ่อุนากิเทโชคุ 5,100 เยน ในเมนูมีรูปประกอบให้ดู ครั้งนี้ที่สั่งคือข้าวหน้าปลาไหลอุนะจู (うな重) ราคาไม่รวมภาษี 3,700 เยน มาพร้อมผักเคียง คิโมะซุย (ซุปใส่ตับปลาไหล) และเต้าฮวยอันนิงเป็นของหวาน
กลิ่นปลาไหลย่างหอมๆ กับซอสรสหวานๆ เค็มๆ เชื่อว่าหลายคนติดใจรสชาติของซอสนี่ ปลาไหลย่างที่ราดซอสอย่างนี้จะเรียกกันว่าคาบะยากิ ทางร้านมีเมนูปลาไหลอีกแบบให้เลือกด้วยคือ ชิระยากิมาบุชิด้ง (白焼きまぶし丼) ปลาไหลจะไม่ราดซอสมาให้ แต่จะให้เราเลือกแบ่งทานกับผักเคียง เครื่องปรุงและเครื่องเทศอื่นๆ ในเซ็ต ถือว่าได้ลองหลายรสชาติในเมนูเดียว
สำหรับคนที่มาช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม ช่วงนี้เป็นฤดูของหอยนางรมพอดี ทางร้านก็มีเมนูพิเศษเป็น ข้าวหน้าหอยนางรม คาคิคาบะด้ง (かき蒲丼) หอยนางรมเนื้อเด้งดึ๋งตัวอ้วนชุ่มไปด้วยซอสเหมือนของข้าวหน้าปลาไหล ราคาไม่รวมภาษี 1,600 เยน เมนูอื่นๆ ก็ยังมีอีกเยอะ อย่างชุดกุ้งชุบแป้งทอด ชุดไก่ทอดคาราอาเกะ ชุดปลาดิบซาชิมิ
เติมพลังเสร็จแล้วก็ไปยังจุดหมายต่อไปคือ วัดคันซันจิ (Kanzan-ji Temple) มีบันไดทางขึ้นอยู่ตรงปากถนนทางเข้าร้านคันซันจิเอ็นนี่เอง
เดินตามบันไดขึ้นมาจะเจอกับวิหารหลักฮนโด วัดคันซันจิก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 810 เป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในบริเวณนี้มานานตั้งแต่อดีต
ด้านซ้ายของฮนโดมีวิหารหลังเล็กประดิษฐานพระจิโซผูกสัมพันธ์ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคเมจิ
ผู้คนนิยมเขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นไม้เอะมะที่มีลายรูปแม่กุญแจกับตัวอักษร 心 ที่แปลว่าหัวใจเพื่อขอให้พระจิโซช่วยบันดาลให้สมหวังเรื่องความรักความสัมพันธ์ มีแผ่นเอะมะแขวนอยู่ทั้งข้างนอกและข้างในวิหารเต็มไปหมด ถ้าอยากขอพรบ้างก็หาซื้อเอะมะได้ตรงจุดจำหน่ายเครื่องรางทางขวาของฮนโด เครื่องรางโอมาโมริสำหรับพกติดตัวที่เป็นลายแม่กุญแจกับตัวอักษรหัวใจแบบเดียวกับเอะมะก็มี
ไปเดินต่อกันอีกสักนิด ที่จริงแล้วภูเขาทาเทยามะทั้งลูกนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของวัดคันซันจิ มีเส้นทางให้เดินเล่นทั้งบนเขาและริมทะเลสาบ จากฮนโดเดินมาประมาณ 8 นาทีก็พบกับประติมากรรมกวนอิมสูงถึง 16 เมตร
กวนอิมแห่งคันซันจิ สร้างขึ้นในปี 1937 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของทะเลสาบฮามานะโกะ และแฝงด้วยคำอธิษฐานหวังให้เทพกวนอิมช่วยคุ้มครองดูแลผู้คนให้ปลอดภัย จึงสร้างบนยอดเขาทาเทยามะให้สามารถมองลงไปได้ทั่วบริเวณทะเลสาบฮามานะโกะ
มาอธิษฐานขอพรจากกวนอิมให้เที่ยวได้อย่างปลอดภัยกันสักนิด แล้วกลับลงไปด้านล่างกัน
เดินกลับมาทางเดิมก่อนจะกลับไปขึ้นรถบัส มาแวะพักหาอะไรดื่มกันหน่อยที่ KUSHITANI CAFE
KUSHITANI เป็นแบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์แต่งกายเช่นเรซซิงสูท ถุงมือ รองเท้าบูต แล้วก็พวกโพรเทกเตอร์สำหรับนักกีฬามอเตอร์เรซซิง รวมถึงแบบทั่วไปสำหรับไบค์เกอร์ด้วย ร้านคาเฟ่เปิดขึ้นตามจุดที่ไบก์เกอร์มักใช้เป็นทางผ่าน เพื่อให้เป็นที่พักผ่อนและจุดนัดพบของผู้คนที่ชอบในเรื่องเดียวกัน แต่แน่นอนถึงจะไม่ใช่ชาวสองล้อก็มาใช้บริการกันได้
KUSHITANI CAFE สาขาวัดคันซันจิรีโนเวตมาจากอาคารร้านค้าเก่า ด้านนอกร้านเลยดูมีทั้งความเก่าผสมความใหม่แบบเท่ๆ ชั้น 1 เป็นเคาน์เตอร์สั่งอาหารและเครื่องดื่ม มีสินค้าออริจินอลสารพัดแบบ ทั้งแก้วมัค ทัมเบลอร์ กระเป๋าโทต กระเป๋าสตางค์หนัง มีแก้วน้ำไทเทเนียมที่ทำเป็นเหมือนรอยเชื่อมท่อรถ เท่มาก!
ซื้อเครื่องดื่มแล้วขึ้นไปนั่งบนชั้น 2 กัน พื้นกับผนังโชว์ผิวไม้แบบเรียบง่าย เสริมความดิบด้วยเก้าอี้เหล็กและสตูลตัวเตี้ยที่ทำมาจากกล่องเหล็ก มีชั้นสำหรับวางหมวกนิรภัยให้โดยเฉพาะ
เครื่องดื่มมีให้เลือกตั้งแต่กาแฟ โกโก้ ชาญี่ปุ่น ชาฝรั่ง แบบร้อน-เย็น น้ำปั่น ส่วนของกินจะเป็นฮอตดอกราดซอสต่างๆ
ข้างๆ KUSHITANI CAFE ยังมีอาคารหน้าตาโมเดิร์นพร้อมที่นั่งด้านหน้าอีกหลัง ตรงนี้รวมกันเรียกว่า HAMANAKO ENGINE เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสนับสนุนการท่องเที่ยวของเมือง
มีของว่างให้ทานเล่นอย่างฮัมเป็นยากิ เหมือนเอาลูกชิ้นปลาแผ่นใหญ่มาเสียบไม้ย่าง ดังโกะย่างราดซอสมิตาราชิสูตรพิเศษผสมปลาไหล แล้วก็เครื่องดื่ม ส่วนอีกฝั่งของร้านมีบริการให้เช่าจักรยานเอาไปปั่นเล่นริมทะเลสาบ มีทั้งแบบครอสไบค์ของ GIOS และโรดไบค์ไฟฟ้าของยามาฮ่า เลือกเช่าได้ตั้งแต่ 30 นาทีไปจนถึงข้ามวัน
ขอแถมอีกนิดกับจุดถ่ายรูปสวยๆ สะพานชิบุกิบาชิ สะพานแดงริมทะเลสาบฮามานะโกะ อยู่ด้านในสุดของถนนระหว่าง HAMANAKO ENGINE นี่เอง ตอนที่มานี่ก็มีไบค์เกอร์เอารถมาจอดถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหลายคน
– นั่งรถบัสจากป้าย Kanzanji Onsen (舘山寺温泉) ไปลงที่ป้าย Sujikai-bashi (すじかい橋) ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ราคา 260 เยน เดินตรงข้ามแยกไฟแดงไปหน่อยจะมีป้ายบอกทางเข้าอยู่ด้านซ้ายมือ
– ถ้านั่งจากหน้าสถานีฮามามัตสึ ใช้เวลาประมาณ 35 นาที ราคา 490 เยน
ทันทีที่เดินเข้ามาด้านใน Nukumori no Mori ก็เหมือนกับหลุดเข้ามายังหมู่บ้านในเทพนิยายยังไงยังงั้น บ้านหลังเล็กๆ รูปทรงแปลกตาตั้งอยู่ตามเนินเขาสองฝั่งถนน
บ้านแต่ละหลังเป็นร้านขายสินค้ากระจุกกระจิก เน้นของแฮนด์เมดทำมือ ขอยกตัวอย่างบางส่วนมาให้ดูนะ อย่างพวงกุญแจและกระเป๋าหนังของร้าน Lightshine จานรูปแมวจากร้าน COZY พวงกุญแจรูปดวงตาสีฟ้าหลากแบบ เครื่องรางกันภัยของตุรกีของร้าน Blue Cottage และนาฬิกาข้อมือสไตล์เรโทรจากร้าน Pineta
ร้านอาหารและร้านขนมหวานก็มี ทางซ้ายในรูปข้างบนนี่คือร้าน Mori no Cheesecake ดัดแปลงเอาส่วนโรงเก็บรถมาทำเป็นร้านเค้กบรรยากาศอบอุ่น ร้านอื่นๆ ก็มีร้านเจลาโต้ Piccolo Picchio มีเจลาโต้ให้เลือกถึง 36 รสชาติ เยอะจนตัดสินใจไม่ถูกแน่ๆ แล้วก็ร้านอาหาร Douceur เสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสแบบคอร์สทั้งมื้อเที่ยงและมื้อเย็น
ส่วนบ้านสองชั้นนี้เป็นบ้านที่คุณซาซากิ ชิเกโยชิ สถาปนิกผู้ออกแบบบ้านทุกหลังในหมู่บ้านนี้เคยอาศัยอยู่จริงๆ ตอนนี้ชั้นหนึ่งเป็นร้านเครื่องหอม ชั้นสองเป็นร้าน Pineta พอเข้าไปข้างในจะเห็นเลยว่ายังมีส่วนที่ดูเหมือนเคาน์เตอร์ทำครัวอยู่เลย
ถ้าอยากสัมผัสกับเหล่าสัตว์แบบใกล้ชิด เดินขึ้นไปที่กระท่อมไม้ Fukumori กัน มีเหล่านกฮูก เม่นแคระ และชินชิล่าน่ารักๆ รออยู่ ค่าเข้า 1,000 เยน ไม่จำกัดเวลา
นอกจากมาช้อปปิ้งของแฮนด์เมดน่ารักๆ มาทานของกินอร่อยๆ ที่พลาดไม่ได้คือมาถ่ายรูปที่ระลึก เรียกว่ามองไปมุมไหนก็เป็นจุดถ่ายรูปได้หมดเลย รับรองได้โพสท่ากันจนเหนื่อยแน่นอน
ออกจากหมู่บ้านแห่งความฝันแล้วกลับมาที่เมืองฮามามัตสึกัน เดินกลับมาขึ้นบัสที่เดิม ป้าย Sujikai-bashi เพื่อกลับไปยังบัสเทอร์มินอลหน้าสถานีฮามามัตสึ ใช้เวลาประมาณ 38 นาที ราคา 490 เยน
– นั่งรถไฟ JR สายโทไคโด (Tokaido Line) จากสถานีฮามามัตสึ ไปลงที่สถานีเบ็นเท็นจิมะ (Bentenjima) ใช้เวลาประมาณ 12 นาที ราคา 240 เยน
ถ้ายังมีเวลาขอแนะนำให้ไปดูพระอาทิตย์ตกลงระหว่างเสาโทริอิกลางน้ำที่สวนเบ็นเท็นจิมะ ในหนึ่งปีจะมีแค่ประมาณ 2 เดือนเท่านั้นโดยเอาวันเหมายันเป็นหลัก (วันที่ช่วงกลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี) ส่วนใหญ่จะอยู่ประมาณวันที่ 21 เดือนธันวาคม เพราะฉะนั้นถ้ามาฮามามัตสึระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน – 20 มกราคม ก็มีโอกาสจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกกลางโทริอิอย่างในรูปนี้ แต่ช่วงนอกเหนือจากนี้ก็สวยเหมือนกัน มาเก็บภาพสวยๆ กันได้
เดินออกจากสถานีเบ็นเท็นจิมะแล้วก็เดินลงอุโมงค์ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม เดินตรงเข้าไปอีกนิดก็เจอเสาโทริอิกลางน้ำ ที่จริงตรงนี้ก็คือส่วนใต้สุดของทะเลสาบฮามานะโกะที่เชื่อมต่อกับทะเลนั่นแหละ
นอกจากปลาไหลแล้วของอร่อยประจำฮามามัตสึอีกอย่างก็คือเกี๊ยวซ่า ฮามามัตสึได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 2 เมืองแห่งเกี๊ยวซ่าของญี่ปุ่น (อีกที่คืออุตสึโนะมิยะ จังหวัดโทจิกิ) มื้อเย็นก็เลยต้องแวะมาลองเกี๊ยวซ่ากันที่ร้านฮามะทาโร (Hamatarou) เดินจากสถานีฮามามัตสึแค่ประมาณ 5 นาที
ฮามามัตสึเกี๊ยวซ่า 12 ชิ้น ราคาไม่รวมภาษี 760 เยน เรียงมาเป็นวงสวยเลย จุดเด่นของเกี๊ยวซ่าฮามามัตสึคือจะมีถั่วงอกเคียงมาให้ด้วย จานด้านหลังคือเกี๊ยวซ่าโรยผักชี 6 ชิ้น ราคาไม่รวมภาษี 380 เยน มีซอสรสหวานๆ เค็มๆ เปรี้ยวๆ ราดมาด้วย อร่อยมาก! หน้าอื่นก็มีแบบโรยต้นหอมซอสมิโซะ โรยกุยช่ายแบบเผ็ด เกี๊ยวต้ม ราดชีสกระทะร้อน หรือเมนูอื่นอย่าง ลิ้นวัวกิวตันย่าง เต้าหู้เนื้อตุ๋นนิกุโดฟุ
ที่พักของทริปนี้คือ KITANONIWA THE KURETAKESO โรงแรมในเครือ KURETAKE ที่มีสาขาในญี่ปุ่นร่วม 50 สาขา และสาขาอื่นๆ อีกในประเทศแถบเอเซีย เช่น เกาหลีใต้ เวียดนาม ไทย และอินโดนีเซีย
ในเมืองฮามามัตสึก็มีโรงแรมของ KURETAKA อยู่หลายสาขา แต่สาขาที่เราพักนี้เป็นสาขาที่เพิ่งเปิดใหม่ในปี 2019 ออกจากสถานีรถไฟฮามามัตสึทางออกทิศเหนือปุ๊บก็เห็นโรงแรมอยู่ฝั่งตรงข้าม เดินประมาณ 3 นาทีเท่านั้น
ล็อบบี้กับฟรอนต์อยู่ที่ชั้น 2 ห้องอาหารก็อยู่ติดกับล็อบบี้ บริการที่ชอบมากของที่นี่คือ Happy Hour ระหว่างเวลา 17:00-20:00 บริการเครื่องดื่มฟรี 1 แก้วสำหรับแขกที่เข้าพักทุกคน เช็คอินเสร็จก็แวะมาดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ให้ชื่นใจ
สำหรับคนที่มาเป็นครอบครัวหรือมาเป็นกลุ่ม 3 คน ที่นี่มีห้องแบบ Japanese Room 3 เตียงด้วย บอกก่อนว่าห้องแบบนี้มีแค่ 3 ห้องเท่านั้น ต้องรีบจองกันหน่อย
ห้องพักแบบ Executive Double Room มีเครื่องชงกาแฟและชาให้ดื่มฟรี อุปกรณ์ในห้องน้ำก็ครบครัน ที่ชอบคือมีปลั๊กต่อให้ด้วย ชาร์จทั้งมือถือทั้งกล้องได้พร้อมกันแบบไม่ต้องรอคิว
อาหารเช้าจะมีเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บ้างในแต่ละวัน แต่หลักๆ ก็คือมีทั้งอาหารญี่ปุ่น ฝรั่ง และไทย อย่างปลาย่าง ซุปมิโซะ ไส้กรอก เฟรนช์ฟรายด์ แฮมเบิร์ก ผัดไทย และมีหม้อไฟให้เลือก 3 รสชาติระหว่าง ญี่ปุ่น อิตาเลียน และไทย อาหารไทยนี่ปรุงโดยเชฟจากไทยเลยนะ รสชาติต้นตำรับจริงๆ
– เดินจากสถานีฮามามัตสึประมาณ 10 นาที
พิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรีเมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu Museum of Musical Instruments) เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเครื่องดนตรีที่สร้างและดูแลโดยรัฐเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวของญี่ปุ่น จัดแสดงเครื่องดนตรีจากทั่วโลกไว้ร่วม 1,500 ชิ้น ไม่เกี่ยวว่าจะต้องเป็นเครื่องดนตรีที่ทุกคนรู้จักหรือถูกทำขึ้นมาอย่างซับซ้อนเท่านั้น เพราะแต่ละชาติก็ล้วนมีวัฒนธรรม วิถีชีวิต และเครื่องดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ของตน
เครื่องดนตรีแทบทั้งหมดจะตั้งโชว์โดยไม่มีกระจกกั้น สามารถเดินดูได้รอบ นี่ก็เป็นความตั้งใจของพิพิธภัณฑ์ที่อยากให้เห็นถึงผิวสัมผัสจริงๆ ของวัสดุ มองเห็นทุกมุมมองไม่ว่าจะด้านข้างหรือด้านหลัง
ไม่ใช่แค่เดินดูเฉยๆ นะ บางส่วนมีปุ่มให้กดเพื่อฟังเสียง บางส่วนมีวิดีโอแสดงการเล่นเครื่องดนตรีโดยคนที่แต่งกายตามชาตินั้นๆ ให้เห็นว่าคนชาตินั้นเค้าแต่งตัวกันยังไง เล่นเครื่องดนตรีด้วยท่าทางแบบไหน ที่ชั้นล่างมีจัดเครื่องดนตรีให้ได้ลองสัมผัสลองเล่นกันจริงๆ ด้วย
นอกจากนี้ก็มีงานอีเวนต์ โชว์แสดงดนตรี และนิทรรศการชั่วคราวสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ให้ชมตลอดปี
– นั่งรถไฟจากสถานีชินฮามามัตสึ (Shin-Hamamatsu) ของการรถไฟเอ็นชู (Enshu Railway) ไปลงที่สถานีฮาจิมัง (Hachiman) ใช้เวลา 4 นาที ราคา 120 เยน
เมืองฮามามัตสึได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งดนตรี เป็นสถานที่จัดงานแข่งขันดนตรีทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ ในเมืองมีฮอลล์ดนตรี โรงเรียนสอนดนตรี ร้านเครื่องดนตรีอยู่มากมาย หนึ่งในเหตุผลก็คือที่นี่เป็นที่ตั้งของยามาฮ่า บริษัทผู้ผลิตเครื่องดนตรีที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก
YAMAHA INNOVATION ROAD เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ความเป็นมาเกี่ยวกับเส้นทางการผลิตเครื่องดนตรีและการพัฒนาด้านเครื่องเสียงของยามาฮ่าไว้ในที่เดียว สามารถเข้าชมได้ฟรี แต่ต้องติดต่อจองล่วงหน้า
ออร์แกนรุ่นที่หนึ่ง ผลิตขึ้นในปี 1887 หลังจากก่อตั้งบริษัทได้ไม่นาน จุดเริ่มต้นของตำนานผู้ผลิตเครื่องดนตรีแบบฝรั่งของญี่ปุ่น
เครื่องดนตรีที่มีป้ายสีแดงเขียนว่า Try playing for yourself แปะไว้หมายถึงเราสามารถลองเล่นได้จริงๆ ด้วย มีทั้งเปียโน ไวโอลิน กีตาร์ คนที่เล่นดนตรีต้องชอบมากแน่ๆ
YA1 จักรยานยนต์รุ่นแรกของยามาฮ่าที่เห็นนี่เป็นส่วนหนึ่งของ History Walk จัดแสดงผลงานที่สร้างสรรค์โดยยามาฮ่าตั้งแต่ปี 1887 – ยุค 1960 ถัดจากนี้ไปก็เป็นส่วนแสดงเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ขั้นตอนเกี่ยวกับการออกแบบ การทำต้นแบบก่อนผลิตจริง และอุปกรณ์ควบคุมเสียงแบบที่ใช้กันในสตูดิโอ ด้านในสุดคือ Virtual Stage แสดงโชว์เปียโน เบส และกลองชุดแบบสดๆ ผ่านนักดนตรีในภาพวิดีโอ จะเป็นยังไงคงต้องขอให้ลองไปดูไปฟังของจริงกัน
– เดินจากสถานีฮามามัตสึประมาณ 20 นาที
– นั่งรถบัสที่บัสเทอร์มินอลหน้าสถานีรถไฟฮามามัตสึ จากป้ายหมายเลข 1 ไปลงที่ป้าย Shiyakusho-minami ใช้เวลาประมาณ 6 นาที ราคา 120 เยน
ปราสาทฮามามัตสึ (Hamamatsu Castle) ตั้งอยู่บนฐานปราสาทหินสูงกลางเมืองฮามามัตสึ เป็นปราสาทที่โทคุกาวะ อิเอยาซุในวัยหนุ่มเคยอยู่อาศัยและสามารถชนะสงครามมาได้หลายต่อหลายครั้งจนได้ขึ้นเป็นปฐมโชกุนของญี่ปุ่น เจ้าปราสาทรุ่นถัดมาต่างก็ได้ขึ้นเป็นขุนนางชั้นสูงกันหลายคน จึงเรียกขานปราสาทหลังนี้ว่าปราสาทแห่งความก้าวหน้าในการงาน
หอคอยเท็นชุคาคุหลังปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่บนฐานหินดั้งเดิม สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองฮามามัตสึได้ 360 องศา รอบๆ ปราสาทมีสวนญี่ปุ่นและลานหญ้ากว้าง เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง
รูปปั้นโทคุกาวะ อิเอยาซุ ตั้งอยู่ด้านหน้าประตูเท็นชุมง
ราวปลายมีนาคม – ต้นเมษายน เป็นช่วงที่ซากุระกว่า 300 ต้นในสวนจะบานสวย อากาศก็เย็นสบายน่ามาเดินเล่นมาก
– เดินจากปราสาทฮามามัตสึ ประมาณ 4 นาที
ห้องชาญี่ปุ่นโชอินเท เหมาะมากสำหรับมานั่งพักดื่มชาหลังจากเดินเล่นในสวนปราสาทฮามามัตสึ ทันทีที่เดินเข้ามายังสวนด้านในจะรู้สึกได้ถึงความเงียบสงบจนลืมไปเลยว่ากำลังอยู่กลางเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงใหญ่
แต่ละวันจะมีบริการชาเขียวมัทฉะหรือเซ็นฉะโดยอาจารย์ชงชาสายต่างๆ สลับสับเปลี่ยนกัน ค่าบริการชาพร้อมขนมญี่ปุ่นชุดละ 400 เยน สามารถมาได้ทันทีโดยไม่ต้องจองล่วงหน้า
ขนมจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยเน้นวัตถุดิบหรือขนมที่สื่อถึงฤดูนั้นๆ อย่างขนมในรูปคือโคโระคาคิ ทำเลียนแบบรูปร่างของลูกพลับตากแห้งซึ่งเป็นผลไม้ประจำฤดูใบไม้ร่วง
– ขึ้นรถบัสที่บัสเทอร์มินอลหน้าสถานีรถไฟฮามามัตสึ จากป้ายหมายเลข 14 นั่งรถบัสหมายเลข 51 ใช้เวลาประมาณ 23 นาที ราคา 330 เยน ลงที่ป้าย Izumi-yon-chome เดินต่อประมาณ 10 นาที
แอร์พาร์ค พิพิธภัณฑ์ฐานทัพอากาศฮามามัตสึ (Airpark JASDF Hamamatsu Air Base Museum) รวบรวมอดีตเครื่องบินที่เคยประจำการในกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นให้ชมอย่างใกล้ชิด เข้าชมได้ฟรีด้วย
ฝั่งอาคารจัดแสดงมีถึง 3 ชั้น ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของทัพอากาศ อุปกรณ์แต่งกายของนักบิน เปิดส่วนต่างๆ ของเครื่องบินรบลำจริงให้เห็น มีมิวเซียมช็อปจำหน่ายของที่ระลึกให้เลือกซื้อ
ฝั่งโรงเก็บเครื่องบินจัดแสดงเครื่องบิน 19 ลำ มีลำที่สามารถเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้นักบินได้ด้วย แล้วก็มีเครื่องเล่น Flight simulator ให้ได้ลองสวมบทนักบินนั่งบนเครื่องจำลองที่ขยับได้แบบสมจริง
– ขึ้นรถบัสที่บัสเทอร์มินอลหน้าสถานีรถไฟฮามามัตสึ จากป้ายหมายเลข 15 นั่งรถบัสหมายเลข 44 ใช้เวลาประมาณ 52 นาที ราคา 680 เยน ลงที่ป้าย Iinoyagu-mae เดินต่อประมาณ 3 นาที หรือรถบัสหมายเลข 45 ใช้เวลาประมาณ 52 นาที ราคา 690 เยน ลงที่ป้าย Jinguji เดินต่อประมาณ 10 นาที
วัดเรียวทันจิ (Ryotanji Temple) วัดเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปี ถือเป็นวัดประจำตระกูลอิอิ ตระกูลนักรบผู้ปกครองดินแดนบริเวณนี้ ลูกหลานของตระกูลอิอิหลายคนมีบทบาทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
จะมีเสียงดังอี๊ดอ๊าดในทุกๆ ก้าวที่เราย่างเดินบนพื้นไม้ตรงวิหารหลักฮนโด นี่เป็นเทคนิคที่เรียกว่าอุกุอิซุบาริ เลียนเสียงของนกอุกุอิซุ (นกไนติงเกล) ซึ่งมีประโยชน์ในด้านกันผู้บุกรุกด้วย
สวนญี่ปุ่นมักสร้างขึ้นเพื่อสื่อหรือแสดงถึงสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง สวนหินโปตาลากาหน้าฮนโดนี้สื่อถึงทะเลสาบฮามานะโกะ
อีกฝั่งของฮนโดเป็นอีกหนึ่งสวนแบบเซ็น ออกแบบและสร้างโดยโคโบริ เอ็นชู ผู้สร้างสรรค์สวนสวยไว้มากมายทั่วญี่ปุ่น ทางวัดวางเบาะนั่งไว้ริมระเบียงให้นั่งชมสวนได้อย่างใกล้ชิดจากด้านหน้า ยิ่งช่วงปลายพฤศจิกายน – ต้นธันวาคมจะยิ่งสวยด้วยสีแดงตัดกับสีเขียวของใบไม้เปลี่ยนสี
เที่ยวเมืองฮามามัตสึแบบเต็มที่ 2 วันเต็มๆ กันแล้ว จากนี้ก็กลับมานั่งรถไฟชินคันเซ็นที่สถานีฮามามัตสึเพื่อเดินทางต่อไปโตเกียว นาโกย่า หรือโอซาก้าก็ได้
ถือว่าฮามามัตสึเป็นเมืองที่เดินทางสะดวกสบาย มีที่เที่ยวหลากหลาย สนุกได้ทุกวัยไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน ทริปญี่ปุ่นรอบหน้าอย่าลืมใส่ฮามามัตสึไว้ในแผนเที่ยวกันนะ
การท่องเที่ยวในฮามามัตสึ เพลิดเพลินกับทะเลสาบและสวนที่งดงาม เหมาะกับการถ่ายรูปสวยไปอวด!
ฮามามัตสึเป็นเมืองที่มีช่วงเวลาแดดส่องยาวนาน สภาพอากาศอบอุ่นเหมาะกับการปลูกพืชในสวน โดยเฉพาะบริเวณรอบทะเลสาบฮามานะมีสวนสวยมากมายตั้งแต่สวนสไตล์ตะวันตกไปจนถึงสวนญี่ปุ่น มีสถานที่ท่องเทียวแนะนำที่สามารถชมสิ่งปลูกสร้างและดอกไม้นานาพันธุ์ได้ในบรรยากาศที่ต่างกัน บทความนี้ขอแนะนำเสน่ห์ของสวนสวยรอบทะเลสาบฮ
เที่ยวไปกินไปในฮามามัตสึกับของอร่อยประจำท้องถิ่น เกี๊ยวซ่า ปลาไหล ไปจนถึงแฮมเบิร์ก
อาหารอร่อยในฮามามัตสึมีมากมาย เช่น ฮามามัตสึเกี๊ยวซ่าและปลาไหล ในบทความนี้จะขอแนะนำอาหารอร่อยที่เป็นของขึ้นชื่อในฮามามัตสึกันค่ะ
ท่องเที่ยวตามเส้นทางรถไฟสายเท็นฮามะ (Tenhama Line) ชมทิวทัศน์ย้อนวันวาน
หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศและเที่ยวชมรอบๆ สถานีฮามามัตสึ (Hamamatsu) แล้ว ลองนั่งรถไฟท้องถิ่นสายเท็นอามะที่วิ่งไปท่ามกลางภูมิทัศน์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น